อาการแสดงตามเกณฑ์ของศูนย์ควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา
ผู้ติดเชื้อเอดส์จะมีอาการแสดงของโรคแตกต่างกัน ตั้งแต่ไม่มีอาการผิดปกติจนถึงอาการของโรคมะเร็ง หรือโรค ติดเชื้อที่ร้ายแรงและเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ป่วย และระยะเวลาตามการเปลี่ยนแปลง จากพยาธิสภาพหลังการติดเชื้อ
ผู้ได้รับเชื้อเอดส์โดยไม่มีอาการและจัดอยู่ในระยะ early stages เพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่มีการเปลี่ยนแปลงตาม ขั้นตอนจนกระทั่งถึงขั้น "Fullblown" และจัดเป็นโรคเอดส์โดยสมบูรณ์ และระยะเวลาตั้งแต่เริ่มรับเชื้อเอดส์จนมี อาการครบถึงขั้นเป็นโรคเอดส์นั้นยาวนานถึง 10 ปี เชื้อเอดส์ทำอันตรายเฉพาะ CD4 (helper/Inducer) lymphocytes โดยลำดับ ซึ่งมีหน้าที่สำคัญของระบบภูมิต้านทานในร่างกาย ดังนั้นการดำเนินการของโรคจึงมีตั้งแต่ขั้น asymptomatic state ซึ่งระบบภูมิต้านทานคนปกติจนกระทั่งเสื่อมช้า ๆ และจนไม่อาจทำหน้าที่ได้โดยสิ้นเชิง ซึ่งช่วงนี้เองที่มีการติดเชื้อ อื่น ๆ ที่คอยฉวยโอกาสที่ร่างกายตกอยู่ในภาวะเพลี่ยงพล้ำ ติดตามด้วยมะเร็งบางชนิด จนในที่สุดอาการแสดงอื่น ๆ ของโรคเอดส์ปรากฏเด่นชัด
ดังนั้นผู้ที่ได้รับการตรวจยืนยันว่ามีการติดเชื้อเอดส์ ไม่จำเป็นต้องกังวล เพราะโอกาสที่การติดเชื้อนั้น จะดำเนินต่อไป จนเป็นโรคนั้นมีเพียง 10 % และถ้าโชคร้ายเกิดการติดเชื้อ การติดเชื้อนี้จะดำเนินไปกว่าจะแสดงอาการเป็นโรคเอดส์ ต้องใช้เวลานานถึง 10 ปี ซึ่งช่วงระยะเวลาเหล่านี้ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างรวดเร็ว เพียงแต่ไม่ให้มี การติดเชื้อที่คอยจังหวะซ้ำเติม จึงสามารถยืดเวลาออกไปได้อีกนาน และดำเนินชีวิตเหมือนคนทั่วไปได้
แต่เดิมมาศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกา ได้แบ่งระยะต่าง ๆ ของการติดเชื้อเอชไอวี ออกเป็น 4 ระยะ ) คือ
ระยะที่ 1 : ระยะติดเชื้ออย่างเฉียบพลัน (acute HIV infection)
2-3 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อเอชไอวี จะมีอาการคล้ายไข้หวัด ต่อมน้ำเหลืองโต (glandular fever-like illness)และอาจมีอาการของ encephalitis, meningitis, myelopathy และ neuropathy อาการต่าง ๆ เหล่านี้หายไปได้เองภายใน1-2 สัปดาห์ โดยที่อาจมีอาการน้อยมากจนผู้ป่วยไม่สังเกตุ คิดว่าเป็นไข้หวัดธรรมดาก็ได้
ระยะที่ 2 : ระยะติดเชื้อโดยไม่มีอาการ (asymptomatic infection)
คนไข้จะไม่มีอาการอะไรเลย แต่ถ้าเจาะเลือดตรวจ จะพบมีแอนติบอดีต่อเชิ้อเอชไอวี โดยจะมีเลือดเอดส์บวกไปตลอดชีวิต แอนติบอดีหรือภูมิคุ้นเคยต่อไวรัสเอดส์จะเริ่มพบประมาณ 6-8 สัปดาห์หลังได้รับเชื้อ แต่อาจเนิ่นนานออกไปถึง 3 เดือนก็ได้ ดังนั้นโดยทั่วไปถ้าเลย 6 เดือนไปแล้ว แอนติบอดีต่อเชิ้อเอชไอวียังให้ผลลบอยู่หลัง exposeต่อเชื้อเอชไอวีเพียงครั้งเดียว ก็ค่อนข้างมั่นใจได้ว่าไม่มีการติดเชื้อโรคเอดส์ อย่างไรก็ตามมีรายงานในกลุ่มชายรักร่วมเพศในอเมริกาว่าอาจต้องรอไปนานถึง 3 ปี แอนติบอดีต่อเชิ้อเอชไอวีจึงจะให้ผลบวก
ระยะที่ 3 : ระยะต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไป (persistent generalised lymphadenopathy,(PGL)
ระยะนี้จะเกิดหลังได้รับเชิ้อเอชไอวีนานเท่าไรยังไม่ทราบชัด คนไข้เองก็ไม่มีอาการอะไร แต่ถ้าตรวจร่างกายจะพบต่อมน้ำเหลืองโตทั่วตัว ศูนย์ควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาให้คำจำกัดความของ PGL ว่า ต้องเป็นต่อมน้ำเหลืองตั้งแต่ 2 บริเวณขึ้นไป โดยไม่นับรวมต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณขาหนีบ และต่อมน้ำเหลือง 2 บริเวณนี้จะต้อง ไม่เป็น draining chain ซึ่งกันและกัน ต่อมน้ำเหลืองที่โตนี้จะต้องมีขนาดตั้งแต่ 1 ซม. ขึ้นไป และจะต้องโตอยู่นานเกิน 1 เดือน ถ้าตัดชิ้นเนื้อของต่อมน้ำเหลืองไปตรวจจะไม่พบพยาธิสภาพอะไร คือไม่ใช่มีการติดเชื้อหรือเป็นมะเร็งของต่อมน้ำเหลือง แต่มีลักษณะเป็นแบบ reactive hyperpasia
ระยะที่ 4 : ระยะติดเชื้อมีอาการ (symptomatic HIV infection)
เป็นระยะของการติดเชิ้อเอชไอวีซึ่งมีอาการ แบ่งย่อยได้เป็น : -
ระยะที่ 4-A : Constitutional disease
ตรงกับระยะ AIDS related complex (ARC) เดิม คือมีอาการน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ (ลดเกิน 10 % ของน้ำหนักดั้งเดิม หรือเกิน 10 กิโลกรัม หรือ 15 ปอนด์) ไข้ (เกิน 38 องศาเซลเซียส ) เรื้อรัง (เกิน 4 สัปดาห์) โดยไม่ทราบสาเหตุ ท้องเสียเรื้อรังโดยไม่ทราบสาเหตุ เหงื่อออกตอนกลางคืนโดยไม่ทราบสาเหตุ เชื้อราในช่องปาก (oral candidiasis) งูสวัด (Herpes Zoster)
ระยะ 4-B : Neurological disease
โดยอาการเป็นเรื่องของหลงลืมง่าย มีอาการทางจิตประสาท หรือมีอาการทาง encephalitis, meningitis,myelopathy และ neuropathy คือมีอาการได้ทุกอย่างของระบบประสาทส่วนกลาง เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า“HIV encephalopathy” หรือ “AIDS demantia” ลักษณะของสมองเหี่ยว (brain atrophy) เป็นลักษณะทางเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่พบบ่อยที่สุด
ระยะที่ 4-C : Secondary infectious disease
4-C-1 : Specified secondary infectious disease listed in CDC surveillance definition
4-C-2 : Other unspecified secondary infectious disease คือโรคติดเชื้อฉวยโอกาสอื่น ๆ ที่มิได้รวมอยู่ใน surveillance definition เดิม
ระยะที่ 4-D : Secondary cancers
มะเร็งส่วนใหญ่ที่พบคือ Kaposi’s sarcoma ส่วนน้อยอาจเป็น primary central nevous system lymphomaและ non-Hodgkin’s disease
ระยะที่ 4-E : Other conditions
กลุ่มนี้สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถจัดเข้าไว้ในทั้ง 4 กลุ่มข้างต้น เช่น มีโรคติดเชื้อที่ไม่ได้ระบุในกลุ่ม 4C หรือมีอาการนอกเหนือที่ระบุในกลุ่ม 4A เป็นต้น
การที่แบ่งการติดเชื้อ HIV ออกเป็นระยะต่าง ๆ เช่นนี้ เพราะ severity ต่างกัน คนที่เป็นระยะที่ 4 จะมีความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน มากกว่าคนที่เป็นระยะที่ 3 และ 2 ตามลำดับ
0 comments:
Post a Comment